ทัวร์อินเดียใต้ - รัฐทมิฬนาดูและรัฐเกรละ ชมเทศกาลเพราเฮลา ศรีลังกา
ทัวร์
อินเดีย(ทั้งประเทศ)
ระยะเวลา
9 วัน
สายการบิน
วันเดินทาง
11-19 สิงหาคม 2562
Hilight

ทัวร์อินเดียใต้ 2 รัฐ ทมิฬนาฑูและเกรละ 9 วัน ราคา 66,900 บาท 

ทมิฬนาดู – มธุไร – ตัญชาวูร์ - ตริชชี – พอนดิเชอร์รี่ – มหาพลีปุรัม – กาญจีปุรัม – เชนไน
ศรีลังกา – โปโลนนารุวะ – ดัมบุลลา –  สิกิริยา - แคนดี้ – โคลอมโบ
อายุบวร (สวัสดี) บริษัท โกลบอล ฮอลิเดย์ จำกัด ขอนำท่านทัวร์อินเดียและศรีลังกา สัมผัสกลิ่นอายอารยธรรมดั้งเดิมของชาวพุทธ ณ. ดินแดนแห่งพุทธศาสนา ที่ฝังรากลึกมาตั้งแต่อดีตกาล ชมวัดในถ้ำหินที่มีภาพวาดที่สวยงามขนาดใหญ่ตามผนังและเพดาน ชมมรดกโลก เมืองและป้อมปราการหินอันเลื่องชื่อ “สิกิริยา“ พร้อมพิสูจน์ความมหัศจรรย์ของพระราชวังบนยอดเขา ร่วมสักการะพระธาตุเขี้ยวแก้วอันศักดิ์สิทธ์ที่เมืองแคนดี้ 
เทศกาลเพราเฮรา   เป็นเทศกาลทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศศรีลังกา จัดขึ้นที่ เมืองแคนดี้ (Kandy) เป็นเมืองมรดกโลกของประเทศศรีลังกา  เทศกาลถูกจัดขึ้นทุกปีต่อเนื่องยาวนานหลายศตวรรษ เนื่องจาก เป็นที่ตั้งของดาลาดา มาลิกาวา หรือ วัดพระเขี้ยวแก้ว (Sri Dalada Maligawa)  ซึ่งประดิษฐานพระทนต์ของพระพุทธเจ้า
ทัวร์อินเดียใต้ 2 รัฐ ทมิฬนาฑูและเกรละ 9 วัน ทัวร์อินเดียใต้ เที่ยวเมืองเชนไนมหานครใหญ่อันดับที่สี่ของประเทศอินเดียศูนย์กลางอารยธรรมในอดีตรัฐเกรละ มีอารยธรรมและวัฒนธรรมมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พักเรือบ้านล่อง Black Water ทัวร์อินเดียใต้ทริปนี้ไม่ควรพลาด

แผนการท่องเที่ยว
  • Day 1
    กรุงเทพฯ – โคลอมโบ – มธุไร
    • 06.00 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประตูทางเข้าที่ 9 เคาน์เตอร์  T สายการบินศรีลังกันแอร์ไลน์
      โดยเจ้าหน้าที่จากบริษัทโกลบอล ฮอลิเดย์ คอยอำนวยความสะดวก ในการเช็คอินกับสายการบิน   
      09.10 น. ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่เมืองโคลอมโบ โดยสายการบินศรีลังกันแอร์ไลน์  เที่ยวบินที่ UL 403  
      ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาที
      11.00 น.    เดินทางถึงเมืองโคลอมโบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
      13.45 น.    ออกเดินทางสู่เมืองมธุไร (Madurai) โดยสายการบินศรีลังกันแอร์ไลน์  เที่ยวบินที่ UL 403  (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง )
      14.40 น. เดินทางถึงเมืองมธุไร (Madurai) หลังผ่านพิธีผ่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว  
      นำท่านสู่ เมืองมธุไร ( Madurai )  เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของรัฐทมิฬนาฑู เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องคาบสมุทรอินเดีย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไวไก (Vaigai River) มธุไรถูกปกครองโดยกษัตริย์ราชวงศ์ปาณฑิยัร (Pandyas)   เป็นเมืองศูนย์กลางวัฒนธรรมและมีมรดกตกทอดมากว่า 2,500 ปี และเคยเป็นแหล่งการค้าสำคัญของภาคใต้บนคาบสมุทรอินเดีย เมืองนี้มีชื่อเสียงในการส่งเสริมการใช้ภาษาทมิฬ  นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีการกล่าวถึงในตำราโบราณของชาวกรีก ชาวโรม และชาวอาหรับอีกด้วย  ชม เทวาลัยมีนักษีสุนทเรศวร (Meenakshi Sundareswarar Temple) สร้างถวายแด่องค์พระศิวะ ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง มีหอวิหารรายรอบเมือง วัดนี้เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญสำหรับคนทมิฬและได้รับการกล่าวถึงตั้งแต่สมัยโบราณในวรรณคดีทมิฬ แต่โครงสร้างปัจจุบันเชื่อว่ามีการสร้างขึ้นในปีค.ศ.1600 บริเวณวัดประกอบด้วยซุ้มประตู 11 หลังที่สูงที่สุดคือ 51.9  เมตร หรือ 170 ฟุต ทุกๆ ปีจะมีการการเฉลิมฉลองเทศกาลการแต่งงานที่เทวาลัยมีนักษี (ตามตำนานฮินดู, กล่าวถึงการมาจุติบนพื้นโลกของพระศิวะในรูปแบบของ สุนทเรศวร (Sundareswarar)  เพื่อมาแต่งงานกับเทพธิดา มีนีนักษี (Meenakshi) หรือ พระแม่ปาวรตี ซึ่งต่อมาทำให้เกิดมีการเฉลิมฉลองเป็นประจำปีในเทศกาลจิตติไร  ติรุวิชา  (Chitirai  Thiruvizha)                                                                                                         
      ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ    จากนั้นนำท่านเข้าพักที่โรงแรม  GATEWAY HOTEL -5* หรือเทียบเท่า
  • Day 2
    มธุไร – ตัญชาวูร์ – ตริชชี่
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      นำท่านเดินทางสู่ เมืองตัญชาวูร์ หรือ ตัญชอร์ ( Thanjavur or Tanjore)  (ระยะทางประมาณ 189 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ  4 ชั่วโมง)  เป็นเมืองราชธานีในสมัยราชวงศ์โจฬะ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของแม่น้ำเกาเวริ                             แวะชม เทวาลัยพฤหธิศวร (Brihadiswara Temple)  เป็นศาสนาสถานสำคัญที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 10 โดยพระเจ้าราชราชา สมัยราชวงศ์โจฬะ (Chola) มียอดวิหารสูงกว่า 60 เมตร (สูงที่สุดในโลก) ซึ่งแกะสลักขึ้นมาจากหินแกรนิตก้อนเดียวที่หนักกว่า 80 ตัน การก่อสร้างวิหารใช้หลักการเดียวกับการสร้างปิรามิดแห่งอียิปต์ สถาปัตยกรรมการตกแต่งเป็นศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของอินเดียใต้ หรือแบบดราวิเดียน และได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ นอกจากนี้ยังมีซุ้ม

      ประตูทางเข้าที่เรียกว่า โคปุรัม ที่สวยงามตามแบบฉบับของอินเดียใต้ และมี
      มณฑปโคนนทิ ที่มิรูปหินแกะสลักโคนนทิที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ มี
      น้ำหนักถึง 25 ตัน
      กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน 
      บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองตีรุชชิราปปัลลี (Tiruchirappali) หรือ ตริชชี่ (Trichy) ( ระยะทางประมาณ 59 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง)  ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเกาเวริ (Cauvery River) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ในรัฐทมิฬนาฑู เมืองนี้เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมทางศาสนา เทวาลัยในยุคราชวงศ์โจฬะ (Cholas Dynasty) เคยถูกปกครองในยุคมุสลิม จนมาสิ้นสุดที่ราชวงศ์วิชัยนคร (Vijayanagar Rulers) ปกครองจนถึงปี ค.ศ.1736 กลับมาอยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์โมกุล ด้วยความช่วยเหลือของฝรั่งเศสและอังกฤษ  ต่อมาเกิดการต่อสู่แย่งชิงดินแดนระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส ภายหลังอังกฤษได้รับชัยชนะในสงครามแย่งชิงเมืองตีรุชชิราปัลลี  อังกฤษได้ปกครองตีรุชชิราปัลลี ต่อจาก Chanda Sahib and Mohamed Ali เป็นเวลา 150 ปี จนกระทั่งอินเดียได้รับเอกราช  เมืองตีรุชชิราปัลลีจึงมีความเจริญรุ่งเรือง มีระบบการจัดการที่ดี มีโบสถ์คริสตจักรและเทวาลัยหลายแห่ง มีการผสมผสานของประเพณีและความทันสมัยในด้านสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้น ในยุคค.ศ. 1760  นำท่านชม เทวาลัยป้อมหิน (Rock Fort Temple)  สูง 83 เมตร เป็นโขดหินธรรมชาติที่ถูกแปลงเป็นศาสนสถาน หินบะซอลที่เชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุกว่า 3.8 ล้านปี เก่ากว่าอายุของเทือกเขาหิมาลัย ท่านต้องเดินขึ้นบันไดกว่า 400 ขั้นสู่เทวาลัยพระคเณศ (Vinayaka Temple) ที่สร้างถวายแด่พระคเณศหรือวินายกะ (Lord Vinayaka) ซึ่งตั้งอยู่บนยอด ระหว่างทางขึ้นจะมีวิหารที่สร้างถวายแด่พระศิวะ คือเทวาลัยพระศิวะ (Sri Thayumanaswamy Temple) เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนท่านสามารถชมวิวเมืองตีรุชชิราปปัลลีโดยรอบ ด้านล่างใกล้ที่ตั้งของร็อคฟอร์ทมีบ้านที่เคยเป็นที่อยู่ของโรเบริต์ ไคฟ์ (Robert Clive) ผู้แทนที่อังกฤษแต่งตั้งให้มาดูแลบริษัทอีสต์อินเดีย (East India Company) 
      ชม เทวาลัยศรีรังคัม (Srirangam) ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำระหว่างแม่น้ำเกาเวริ และแม่น้ำคอลลิดัม สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14-17 (ตั้งแต่สมัย เชรัร Cheras, ปาณฑิยัร Pandyas, โจฬะ Cholas, ฮอยสาลา Hoysalas จนถึง ยุคราชวงศ์วิชัยนคร Vijayanagar) เทวาลัยศรีรังคนาถสวามี หรือ ศรีรังคัม (Sri Ranganathaswami หรือ Srirangam) เป็นศาสนธานี ที่มีขนาดมหึมา ครอบคลุมพื้นที่ 2.5 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นเทวาลัยที่ใหญ่ที่สุดและ

      น่าสนใจที่สุดในเรื่องของศาสนาเชิงซ้อนของอินเดีย 
      สร้างถวายแด่องค์พระนารายณ์ ปัจจุบันนี้ผู้ที่ไม่ใช่ชาวฮินดูได้รับอนุญาต
      ให้เข้าไปภายในได้ถึงกำแพงชั้นที่หกเท่านั้น เทวาลัยล้อมรอบด้วยกำแพงเจ็ดชั้น
      และมีเสาและประตูที่แกะสลักสวยงาม ประตูหอที่ 22 สูง 236 ฟุต สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้ และเป็นหอพระวิหารสูงที่สุดในเอเชีย
      ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ    จากนั้นนำท่านเข้าพักที่โรงแรม  SANGAM HOTEL -4* หรือเทียบเท่า
  • Day 3
    ตริชชี่ - พอนดิเชอร์รี่ (Pondicherry) - มหาพลีปุรัม
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พอนดิเชอร์รี่ (Pondicherry) (ระยะทาง 200 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ  4 ชั่วโมง) เคยถูก  
      ปกครองโดยฝรั่งเศสเมื่อปี 1673  โดยฟรองซัวมาร์ติด ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองตามสนธิสัญญา  ในช่วงนั้นมีความสงบจนปี 1742 เกิดสงครามระหว่างฝรั่งเศสและอังกฤษจึงทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น แต่เมืองพอนดิเชอร์รี่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส  จนกระทั่งปี 1814-1954  อินเดียได้รับเอกราช  
      กลางวัน         รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย ชม อาศรมศรีอรพินโท (Sri Aurobindo Ashram) ตั้งขึ้นในปีค.ศ.1926 เคยเป็นที่พำนักของ ศรีอรพินโท อดีตนักเขียน  นักปรัชญา คุรุโยคะ และผู้นำทางจิตวิญญาณที่ได้ชื่อว่า มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของอินเดียท่านยังได้ศึกษาค้นคว้าด้านโยคะและจิตวิญญาณแห่งการเป็นมนุษย์ จนกลายเป็นแนวทางโยคะที่เรียกว่า โยคะองค์รวม 
      จากนั้นเดินทางสู่ มหาพลีปุรัม ( Mahabalipuram)  ระยะทางประมาณ  99 กิโลเมตร  ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ  
      จากนั้นพักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม  RADISSON BLU TEMPLE BAY -5* หรือเทียบเท่า
  • Day 4
    มหาพลีปุรัม – กาญจีปุรัม – เชนไน
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
       นำท่านชม เมืองมามัลละปุรัม (Mamallapuram)  หรือ มหาพลีปุรัม  (Mahabalipuram)  ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเชนไนประมาณ 60 กิโมเมตร เป็นศูนย์กลางงานแกะสลักหินและเป็นที่ตั้งของโรงเรียนประติมากรรมของทางภาครัฐ  เมืองนี้มีเทวาลัยเก่าแก่ที่สุดที่ยังเหลืออยู่ทางภาคใต้ของอินเดีย  ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าและเมืองหลวงแห่งที่สองของราชวงศ์ปัลลวะ ที่รุ่งเรืองในศตวรรษที่ 7-8  มามัลละปุรัมเป็นสถาปัตยกรรมที่เป็นวัดต้นแบบดราวิเดรียนซึ่งเกิดจากการสลักหินเป็นวัดที่บูชาเทพเจ้า เช่น พระศิวะ พระวิษณุ พื้นที่ของโบราณสถานนี้กว้างใหญ่จนติดทะเล ได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้  ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางกลับเชนไน  นำท่านเดินทางสู่สถานีรถไฟเพื่อเดินทางสู่เมืองตีรุชชิราปปัลลี (Tiruchirappali) หรือ เมืองตริชชี (Trichy) แห่งรัฐทมิฬนาฑู

      กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย จากนั้นนำท่านออกเดินทางเพื่อชม เมืองกาญจีปุรัม  (Kanchipuram)  
      (ระยะทางประมาณ 66 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เป็นเมืองโบราณ
      ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในอินเดียใต้ เคยเป็นเมืองหลวงของกษัตริย์ราชวงศ์ปัลลวะ (Pallava) 
      ที่เรืองอำนาจเมื่อพันกว่าปีก่อน เมืองนี้ได้รับการขนานนามว่า “นครแห่งอาราม” (City of Temples) ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 เมืองแห่งการแสวงบุญของชาวฮินดู ซึ่งถือว่า ที่นี่เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ เปรียบดั่งเป็นเมืองพาราณสีของอินเดียใต้ ในเมืองเต็มไปด้วยเทวสถานเก่าแก่มากมาย ในยุคที่กาญจีปุรัมเป็นมหานครอันรุ่งเรืองเมื่อพันปีก่อน นอกจากศาสนาฮินดูจะรุ่งเรืองแล้ว พุทธศาสนาก็เคยรุ่งเรืองในเมืองนี้ด้วย ถึงกับมีพระภิกษุชาวเมืองกาญจีปุรัมรูปนึง ได้ออกเดินทางไกลไปจนถึงประเทศจีน และสร้างวัดใหญ่โต และพระโพธิธรรม หรือที่ชาวจีนนิยมเรียกท่านว่า “ต้าโม” หรือ “ตั๊กม้อ” ปรมาจารย์แห่งวัดเส้าหลินนั่นเอง ท่านตั๊กม้อเป็นชาวทมิฬเกิดที่เมืองกาญจีปุรัม แต่ว่าคนอินเดียในปัจจุบันไม่รู้จักท่านเสียแล้ว  ปัจจุบันก็ไม่มีวัดพุทธในกาญจีปุรัมแล้ว กลายเป็นเทวาลัยฮินดูหมด  ชม เทวาลัยไกลาสนาถ (Kailashnatha Temple) เป็นเทวาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองกาญจีปุรัม สร้างในสมัยพระเจ้านรสิงหวรมันที่ 2 ช่วงปีคริสต์ศตวรรษที่ 8 ก่อด้วยหินทรายสีเหลือง มีกำแพงล้อมรอบเทวาลัยประธานซึ่งถวายแด่พระศิวะ จากนั้นชม เทวาลัยเอกัมพเรศวร (Sri Ekambaranathar Temple) เป็นเทวาลัยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ เริ่มสร้างในสมัยราชวงศ์ปัลลวะ และมีการก่อสร้างเสริมเติมมาตลอด อาคารส่วนใหญ่สร้างในสมัยวิชัยนคร เช่นโคปุระที่มีขนาดความสูงถึง 59 เมตร ระเบียงคต และมณฑป ด้านหน้า

      จากนั้นนำท่านเดินทางเมืองเชนไน (Chennai) 
      (ระยะทางประมาณ 74 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ  2 ชั่วโมง  
      เมืองเชนไน เมืองสำคัญริมอ่าวเบงกอล เป็นเมืองเอกของรัฐทมิฬนาดู 
      ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ราว 8 ล้านคน มีชื่อเดิมว่า มัทราส ในอดีตเชนไน เป็นสถานีการค้าที่สำคัญของบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ แต่ในปัจจุบัน เชนไนได้เปลี่ยนโฉมใหม่กลายเป็นเมืองที่มีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจสูง โดยมีบทบาทในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ผลิตซอฟต์แวร์ และยังได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองสำคัญทางด้านดนตรีและวัฒนธรรมของทางอินเดียใต้
      ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ
      พักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม   RADISSON BLU,CITY CENTRE HOTEL – 5*  หรือเทียบเท่า
  • Day 5
    เชนไน – โคลอมโบ
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      นำท่านชม พิพิธภัณฑ์สถานเชนไน (Chennai Government Museum) ที่นี่มีการจัดแสดงงานโบราณวัตถุที่ดีที่สุดของอินเดียใต้  ก่อตั้งตั้งแต่ยุคอาณานิคมกลาง ศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะงานหล่อสำริดโบราณ และของศาสนาฮินดู พุทธ และเชน สำหรับชาวพุทธ มีห้องพุทธประติมากรรมสมัยอมราวดี (พุทธศตวรรษที่ 7-9) ที่เป็น ต้นกำเนิดศิลปะแบบทวารวดีในประเทศไทย (พุทธศตวรรษที่ 12-16)  

      จากนั้นชม มหาวิหารซานโตเม่ (Santhome Church) หรือ โบสถ์เซนต์โทมัส National Shrine of St.Thomas Basilica คำว่า “Santhome” กลายมาจากชื่อนักบุญโทมัส หนึ่งในสิบสองอัครสาวกของเยซูคริสต์ รุ่นแรกที่ออกเผยแพร่ศาสนาชาวอินเดียเชื่อว่า เซนต์โทมัส มาถึงอินเดียในปีพ.ศ. 595/52 ต่อมาถูกทรมานเนื่องจากความเห็นต่างทางศาสนา ณ ภูเขาเซนต์โทมัส ในอีกมุมของเมือง ร่างของท่านถูกนามาฝังไว้ ณ สถานที่นี้ที่ต่อมากลายเป็นโบสถ์เซนต์โทมัสในย่านไมลาพอร์ปัจจุบัน

      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน

      บ่าย นำท่านชม ป้อมเซนต์จอร์จ (Fort St.George) ซึ่งเป็นค่ายทหารแห่งแรก
      ของอังกฤษบนแผ่นดินอินเดียเพื่อคุ้มกันเส้นทางการค้าเป็นศูนย์กลางการปกครอง
      ของอังกฤษในแถบนี้ มีทั้งค่ายทหาร โบสถ์ สุสาน และบ้านเรือนชาวอาณานิคม 
      ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการบริหารราชการของรัฐทมิฬนาฑูตั้งอยู่ริมฝั่งมหาสมุทรอินเดีย  
      จากนั้นนำท่านชม วัดกาปาลีชวาร์ (Kapaleeshwar Temple) วัดพระอิศวรยุคศตวรรษที่ 8 แห่งนี้ถือเป็นสถานที่สำคัญที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเมืองเชนไน มีหอคอยที่มีชื่อเสียงตกแต่งด้วยรูปปั้นต่างๆ มีสีสันงดงามวิจิตรน่าตื่นตาตื่นใจ คุณจะได้ฟังตำนานต่างๆ พร้อมเปิดเผยพลังทางจิตวิญญาณเมื่อคุณหยิบวัตถุโบราณอันน่าตื่นตะลึงขึ้นมาชม และลิ้มรสอาหารรสจัดจ้านที่ขายอยู่บริเวณด้านนอกของวัด  หากมีเวลาเหลือพอนำท่านเดินทางสู่ หาดมารีน่า (Marina Beach) ซึ่งเป็นชายหาดที่อยู่ในเมืองเชนไนและริมทะเลในเขตอ่าวเบงกอลที่มีความยาวประมาณ 13 กม.
      เย็น รับประทานอาหารเย็น
      ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
      21.15 น. ออกเดินทางสู่เมืองโคลอมโบ โดยสายการบินศรีลังกันแอร์ไลน์  เที่ยวบินที่ UL 124  ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 25 นาที
      22.40 น.       เดินทางถึงเมืองโคลอมโบ   นำท่านเข้าพักที่โรงแรม  KINGSBURY COLOMBO - 5* หรือเทียบเท่า
  • Day 6
    โคลอมโบ – โปโลนนารุวะ – ดัมบุลล่า – สิกิริยา
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      นำท่านเดินทางสู่ เมืองโปโลนนารุวะ ( POLONNURAWA) ระยะทางประมาณ  229 กิโลเมตร  ใช้เวลาเดินทางประมาณ    
      6  ชั่วโมง  ตั้งอยู่ตอนกลางประเทศศรีลังกา  ถึงเมืองโปโลนนารุวะ ราชธานีแห่งที่สองของศรีลังกา ซึ่งถือว่าเป็นยุคทองของ
      ศาสนาพุทธและศิลปะลังกา ชมโบราณสถานที่ยังคงความสมบูรณ์กว่าอนุราธปุระ พบกับร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองในอดีต    
      ซึ่งมีให้เห็นเป็นซากกำแพงเมือง มหาวิหาร โรงเรียนสงฆ์  และพระราชวังที่ยังคงมีเค้าโครงเดิม ชมภาพหินแกะสลัก การ 
      ตรัสรู้ และปรินิพพานขององค์พระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวเมือง รวมถึงนักท่องเที่ยวที่แวะมาเยี่ยมเยือน 
      กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน
      ชม วิหารวะฎะดาเก (VATADAGE) ที่ตั้งอยู่เหนือลานทักษิณสองชั้นมีพระพุทธรูปปางสมาธิอยู่หน้าเจดีย์ทั้งสี่ทิศ สวยงาม    ด้วยภาพปูนปั้นแกะสลักรายรอบอย่างวิจิตรบรรจง ชม วิหารถูปาราม (THUPARAMA) และ ฮาฎะดาเก (HATADAGE) ซึ่งออกแบบให้แสงอาทิตย์ ส่งผ่านช่องกระทบพระพุทธรูปภายในวิหารเกิดแสงระยิบระยับ ชม วิหารกาล (GAL VIHARA) มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 3 องค์ ประกอบด้วยปางไสยาสน์ ปางรำพึงและปางสมาธิ  

      จากนั้นนำท่านดินทางสู่ ดัมบุลลา ( Dumbulla ) (ระยะทางประมาณ  68 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ  1.30  ชั่วโมง) ถือเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใจกลางของประเทศศรีลังกา ที่มีถ้ำอยู่บนแท่นศิลาขนาดใหญ่ และสูง 500 ฟุตบนฐานกว้าง 1 ไมล์ เป็นที่ตั้งของวิหารศิลาอันเลื่องชื่อที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 ก่อนคริตกาล คือ วัดถ้ำดัมบุลลา (GOLDEN ROCK TEMPLE)  กษัตริย์วาลากัมบา ทรงเคยพำนักในถ้ำที่ดัมบุลลา ช่วงที่พระองค์เสด็จพลัดถิ่นจากเมืองอนุราธปุระ ต่อมาเมื่อพระองค์เสด็จกลับขึ้นครองราชย์อีกครั้ง พระองค์ได้ทรงสร้างวิหารศิลาที่ทรงคุณค่าที่สุดในศรีลังกา ซึ่งแบ่งออกเป็นทั้งหมด 5 ถ้ำ ภายในถ้ำแรก มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ยาว 47 ฟุต แกะสลักจากแท่งหิน สำหรับในถ้ำที่ 2 มีพระพุทธรูปขนาดเท่าองค์จริงประดิษฐานอยู่ถึง 150 องค์ นอกจากนี้ถ้ำอื่นๆ ยังมีภาพวาดสีน้ำบนเพดาน และรูปปั้นของพระพุทธรูป และพระพุทธเจ้าอยู่รอบๆ ซึ่งภาพสีน้ำบนเพดานมีอายุอยู่ในศตวรรษที่ 15-18 ถือเป็นสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์พุทธศาสนาของชาวสิงหล 
      จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองสิกิริยา ( Sigiriya ) ระยะทางประมาณ  17 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ  45 นาที                 ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ
                         อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม  ALIYA RESORT & SPA – 4* หรือเทียบเท่า
  • Day 7
    สิกิริยา - แคนดี้
    • เช้า  รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      เยี่ยมชมมรดกโลก เมืองและป้อมปราการ หิน อันเลื่องชื่อ Sigiriya Rock Fortress  ซึ่งรอบบริเวณเป็นต้นไม้ใหญ่น้อยและป่าไพร มีเพียงหินก้อนมหึมาที่ตั้งตระหง่านอย่างน่าเกรงขามมีความสูงกว่า 400 ฟุต นับแต่ศตวรรษที่ 5พระเจ้ากัสสปะให้สิกิริยาเป็นทั้งเมืองพระราชวัง พระราชอุทยาน และป้อมปราการเพื่อป้องกันการรุกรานจากศัตรู ประกอบด้วยอุทยานชั้นนอก มีสระน้ำที่กรุด้วยศิลาขนาดน้อยใหญ่มากมาย พิสูจน์ความมหัศจรรย์ของ พระราชวังบนยอดเขา  

      ระหว่างทางชื่นชมกับความสวยงามของเขตราชฐาน 
      และที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นภาพสาวงามบนชะง่อนผาที่นักท่องเที่ยว
      ต่างเล่าขานในเรื่องความงดงามที่นอกจากจะสะท้อนถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนสมัยนั้นแล้ว 
      ยังบ่งบอกถึงความวิริยะและฝีไม้ลายมืออันวิจิตรบรรจงของศิลปินที่อุทิศชีวิตเพื่อผลงานอันน่าทึ่ง  ที่ปัจจุบันยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าพวกเขาสร้างสรรค์งานเหล่านั้นได้อย่างไร … ท่านจะพบคำตอบของที่มาของชื่อสิกิริยา หรือ “Lion Rock” ได้ที่นี่

      จากนั้นเดินทางสู่ เมืองแคนดี้ ( Kandy ) ระยะทาง 90 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ  3 ชั่วโมง   เมืองแคนดี้เป็นเมืองศูนย์กลางของศรีลังกา ระหว่างทางผ่านเมืองมาทาเล่ เพื่อแวะชมสวนสมุนไพร ที่ขึ้นชื่อของศรีลังกา เรียนรู้ วิธีการบำบัดด้วยพืชสมุนไพรที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง   ถึงเมืองแคนดี้นำท่านชม เทศกาลเพราเฮรา   (Perahera) เป็นเทศกาลทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศศรีลังกา จัดขึ้นที่ เมืองแคนดี้ (Kandy) เป็นเมืองมรดกโลกของประเทศศรีลังกา  เทศกาลถูกจัดขึ้นทุกปีต่อเนื่องยาวนานหลายศตวรรษ เนื่องจาก เป็นที่ตั้งของดาลาดา มาลิกาวา หรือ วัดพระเขี้ยวแก้ว (Sri Dalada Maligawa)  ซึ่งประดิษฐานพระทนต์ของพระพุทธเจ้า

      ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ
      พักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม  THE GOLDEN CROWN HOTEL -5* หรือเทียบเท่า
  • Day 8
    แคนดี้ – โคลอมโบ
    • 05.00 น.         นำท่านไปยัง วัดดาลาดา มาลิกาวา หรือวัดพระเขี้ยวแก้ว กราบนมัสการ พระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว (The Sacred   
      Tooth Relic of the Buddha) (พระทนต์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) พระทันตธาตุองค์นี้เป็นพระทันตธาตุเบื้องซ้ายบนของพระพุทธองค์  โดยพระเขมเถระได้อัญเชิญจากจิตกาธาร (เชิงตะกอน)  เมืองกุสินาราไปถวายพระเจ้าพรหมทัตแห่งนคร
      ทันตปุระ แคว้นกลิงค์ จากนั้นจึงตกทอดมายังเกาะลังกา มีประวัติที่แปลกพิสดารกว่า 2,000 ปี เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน 
       จากนั้นนำท่านำกลับที่พักโรงแรม
      เช้า          รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม  
      นำท่านเดินทางสู่ เมืองโคลอมโบ ( Colombo )  (ระยะการเดินทางประมาณ  134 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง )เมืองหลวงที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ตึกระฟ้าตั้งตระหง่านขึ้นทัดเทียมกับสิ่งก่อสร้างทางวัฒนธรรม ผสมผสานด้วยความสวยงามของธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์  
      กลางวัน          รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย               นำท่านสู่ วัดกัลยาณี ราชมหาวิหาร ( Kelaniya Raja Maha Viharaya) ถือเป็นวัดประจำเมืองที่ชาวศรีลังกาให้ความ
                          เคารพอย่างสูงสุด เป็นวัดที่ชาวศรีลังกาเชื่อว่า พระพุทธเจ้าได้ทรงเคยเสด็จมาประทับที่วัดนี้ 3 ครั้ง เป็นวัดใหญ่นิกาย
                          สยามวงศ์ ภายในห้องวิหารของวัดกัลณียานั้น มีจิตรกรรมฝาผนังที่มีความสวยงาม เนื้อหาของจิตรกรรมฝาผนังวัดกัลณียา
               นั้นเป็นเรื่องราวในพุทธประวัติ ชาดก และตำนานต่างๆ เช่น ภาพเจ้าชายทันตกุมาร กับเจ้าหญิงเหมมาลา อัญเชิญพระ
               ทันตธาตุขึ้น จากอินเดียมาศรีลังกา (พระเขี้ยวแก้ว) มีต้นโพธิ์ใหญ่ 1 ใน 32 ต้น ที่แยกหน่อมาจากต้นพระ
                          ศรีมหาโพธิ์ที่เมืองอนุราธปุระ   

      นำท่านชม วัดคงคาราม (Gangaramaya Temple) เป็นวัดขนาดใหญ่ของนิกายสยามวงศ์ มีความสำคัญเพราะเป็นที่ตั้งโรงเรียนพระพุทธศาสนา  ภายในพระอุโบสถวัดคงคาราม เต็มไปด้วยพระพุทธรูปและพระบริวาร ประดับประดาด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง รูปปั้นเทวดาที่งดงาม และยังเป็นที่ประดิษฐาน "พระศรีอาริย์" ซึ่งตามความเชื่อคือพระองค์จะอุบัติมาเป็นพระพุทธเจ้าในกัลป์ต่อไป ถัดมาคือพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สีส้มเรืองแสง กำลังโปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ส่วนด้านซ้ายและด้านขวาของพระประธาน เป็นพระโมคัลลานะและพระสารีบุตร พระอัครสาวกของพระพุทธองค์  

      จากนั้นอิสระให้ท่านให้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย เพื่อซื้อของฝากก่อนเดินทางกลับ
      ค่ำ    รับประทานอาหารค่ำ
              ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
      22.10 น.         เช็คอินที่สนามบินที่เคาน์เตอร์สายการบินศรีลังกันแอร์ไลน์
  • Day 9
    กรุงเทพฯ – โคลอมโบ
    • 01.10 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ  โดยสายการบินศรีลังกันแอร์ไลน์  เที่ยวบินที่ UL 403  (ใช้เวลาประมาณ 3.35 ชั่วโมง)
      06.15 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ ด้วยความประทับใจ
Top